ขอบคุณ
ไม้โปรฯ
8 ปีผ่านไปไวเหมือนติดปีก จาก 17 ก็กลายเป็น 25 จากหนุ่มน้อยก็กลายเป็นหนุ่มใหญ่
โอ้..ไม่น่าเชื่อ! ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีประสบการณ์เพิ่มขึ้น แก่แดดแก่ลมมากขึ้น
และยังสามารถก้าวตามยุค IT ทันอีก โอ้แม่เจ้า! แต่ถึงยังไงวันนี้ชั้นก็ได้รับมอบหมายให้มา
เล่าความหลัง
ช่วงนี้ก็ยังอยู่ในช่วง
'Ent ของรุ่นเด็กๆ ซึ่งน้องสาวมาปรึกษาเกี่ยวกับการสอบ คะแนน การเลือกคณะ ชั้นแทบช่วยอะไรไม่ได้เลย
มันค่อนข้างแตกต่างจากรุ่นเดอะอย่างเรามาก คือ มีสอบตัดเชือกกันครั้งเดียว บุญทำกรรมแต่ง
วัดดวงกันเห็นๆ อย่างว่าเนอะ พวกเราคงทำบุญร่วมกันมาบ้างแหละ อาจจะปล่อยปลาไหลร่วมกัน
หรือติดเงินกันแล้วยังไม่ใช้ ทำให้ต้องมาเห็นหน้ากันถึง 6 ปี แต่ก็ว่าไม่ได้นะ
ตอนนั้นดีใจสุดๆ พ่อ-แม่น้ำตาคลอเลย (อาจรู้ว่าชั้นต้องอยู่เชียงใหม่ 6 ปี เลยดีใจก็ได้
ฮือ!)
มีจดหมายมาแจ้งกำหนดการ วันสอบสัมภาษณ์ วันตรวจร่างกาย วันรับน้องรถไฟ ใช่วันที่สุดทรมาน
เราไปรอพี่ตั้งแต่ บ่ายโมง รถไฟออก บ่าย 3 ร้อนสุดๆ ช่วงแรกก็ประทับใจ พี่ๆเราน่ารัก
เป็นหมอที่มีหน้าตาดีพอใช้ ใจดี ก็เล่นเกมกันไป รู้จักกันแบบดูดี เราจำได้ว่าแต่ละคนสุดกะโปโล
หนุ่ยนี่ก็เป็นแบบนังทอมแก่เลย นังเอ๋กับแหม่มก็ดูคุณนายม๊าก
พอเริ่มตกดึก เริ่มไม่มีใครสนใจกันแล้ว
ง่วงก็หลับไม่ได้ ร้อนก็ร้อน จนสุดท้ายเหลือบไปเห็นพี่เต็มปู นสพ. นอนเหยียดยาวกับพื้น
ชั้นก็แบบเออ เอาวะ ยังไงก็ขอสักงีบ เลยปูบ้างตรงที่นั่งแล้วฟุบเอาหัวพาดเก้าอี้
โห นึกภาพ..อนาถมาก.. พอมาถึงก็มีรุ่นพี่ปี 3 - 6 มารับที่สถานี เอาดอกไม้มาคล้องดับกลิ่นสาบ
มาบูมอะไรก็ไม่รู้ดูแปลกๆ แล้วก็ฟังไม่รู้เรื่อง เร็วๆ แต่ดูเค้าก็ภูมิใจกันนะที่คนฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
OK ก็ผ่านไปด้วยดี เข้าหอพักกันเรึยบร้อย ชีวิตปี 1 เต็มไปด้วยกิจกรรมมากมาย ทั้งรับน้องโควต้า
น้องจังหวัด รับน้องรวม รับน้องขันโตก ชักช้างชมเมือง ชักช้างขึ้นดอย ที่พวกเราต้องไป
โชว์ออฟ ให้คณะอื่นดูในความหรูเลิศอลังการของแพทย์ไง แต่ถ้าอิงหน้าตาแล้วต้องเหลือบไปดูแถวมนุษย์ฯ
เนื่องจากมีนางแบบโฆษณากางเกงยีนส์อยู่ด้วย จริงๆ ชั้นว่าหน้าตาก็แค่ OK เนอะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนเราบางคนชอบไปหลบตามหลืบในห้องสมุดแอบดูอยู่ได้
หลังจากงานขึ้นดอยได้ไม่นาน
เราก็ต้องเข้าห้องเชียร์อีกเพื่อเตรียมตัววัน Sport day เนื่องจากคณะเรามีคนเก่ง
หน้าตาดี ฐานะชาติตระกูลดี ( จริงมั๊ย? ) เลยเป็นที่หมั่นไส้แกมอิจฉาของคณะอื่นและมักจะถูกจับตามองเป็นพิเศษเกือบทุกปี
ก็เลยทำให้บรรยากาศในห้องเชียร์ดูเครียดเล็กน้อย ( แต่ก็มากสำหรับคนที่ชอบแหกกฎ)
เนื่องจากพี่ๆค่อนข้างเคี่ยวเข็นให้พวกเรา 100 กว่าคนร้องเพลงในคีย์เดียวกัน พร้อมกับทำท่ายึกยักบ้าง
มีเล่นดอกทานตะวันกางๆหุบๆ สุดสับสน แต่พอถึงวันจริงก็เริ่มเห็นภาพและเข้าใจเลย
มันตื่นเต้นกลัวว่าเราจะเป็นคนพลาด อยากชนะ อยากโชว์ในสิ่งที่เตรียมมา แล้วก็รู้สึกภูมิใจที่ได้มานั่งใน
Stand นี้ และวันนั้นเราก็ได้เห็นน้ำตาลูกผู้ชายชื่อ..เคี้ยง
วิชาที่เรียนในปี 1 มีไม่มากนัก แต่เนื้อหาก็สุดเยอะ ทั้งเรียนทั้งทำ lab ถ้า
bio ก็ต้อง lab กระต่าย กบฉลาม ที่ชั้นปีเรามีอาจารย์เพิ่ม 1 คนคือ พี่โอ้ หรือตาโอ้
หรือตาแก่ ที่เธอสามารถรู้ไปหมด ตอบคำถามได้เมื่อมีคนถาม แต่แล้ว อาจารย์ของเราก็เกือบพลาด
เมื่อมีคนได้พยายามถามลองภูมิ " นี่คืออะไร คะพี่โอ้" อาจารย์โอ้ท่านคิดอยู่นาน
พลิกซ้าย แลขวา เหงื่อเริ่มแตก " มันอะไรวะฉลามมันมีแบบนี้ด้วยเหรอ"
เอ้าเริ่มใกล้แล้ว สุดท้ายเมื่อผู้ลองของเริ่มเมื่อยก็เลยเฉลยว่า " มันคือหัวใจกบค่ะ"
ช่วงสอบก็เป็นช่วงที่ตื่นเต้นของพวกเรา โดยเฉพาะวิชาที่เมื่อก่อนคิดว่าเรานี่สุดเจ๊ง
เช่น Physic , stat พอมาเจอที่นี่แทบอ้วก!! สูตรอะไรก็จำไม่ได้เลย อาจารย์อุตส่าห์บอกให้เอาเครื่องคิดเลขเข้าไปด้วย
ถ้ารู้จักวิธีใช้มันคงจะง่ายล่ะนะ แต่สำหรับบางคน รู้แค่ บวก ลบ คูณ หาร เท่ากับ
เสียเปรียบเห็นๆ เริ่มเหงื่อแตก แต่เพื่อนหัวดีของเราก็ได้ชี้ทางสว่าง บอก no problem
ไปร้านเครื่องเชียนกว้านซื้อไม้โปรฯมา เฮ้อวันนั้นเลยรอดตัวไป โดยการหอบไม้โปรฯคนละ
2-3 อันเข้าห้องสอบ
สุดท้ายชั้นก็มีโอกาสข้ามฝั่งไปสวนดอก
ขอบคุณไม้โปรฯ
หว้า '009