สุริยุปราคา -
ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นนานๆครั้ง ก็ต้องสร้างความตื่นเต้นเป็นธรรมดา เอ๊ะ
แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราด้วยหล่ะ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม
2538 มีสุริยุปราคาเต็มดวงเห็นได้ทั่วประเทศ ไอ้ลำพังสุริยุปราคาธรรมดาคงไม่ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับพวกเราเท่าไหร่หรอก
( ไม่นับรวมพวกบ้าถ่ายรูป เช่น ปุ่ม ที่เตรียมกล้องถ่ายรูปชั้นดีเลนส์ซูมยาวเป็นวาไว้เก็บภาพ)
แต่ที่ทำให้พวกเราเฮฮากันก็คือ มันดันมาเกิดวันนั้นเวลาประมาณ 10 โมงกว่าๆ ตรงกับตอนที่เรากำลังสอบ
paper patho นะสิ พอถึงเวลาอาจารย์ก็อนุญาตให้ผลัดกันออกจากห้องสอบไปดูได้ตามสบายกี่ครั้งก็ได้
แต่ไม่ควรนานเกินไปจนทำไม่ทัน แรกๆก็ออกไปดูกันจริงๆจังๆ แต่หลังๆก็มีเจตนาแอบแฝง
อย่าตกใจไป แค่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อสอบเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะช่วยกันได้หลายข้อ
อันนี้ก็ต้องขอขอบคุณสุริยุปราคาปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้ชมอีกเมื่อไหร่
แต่น้อยคนนักที่จะมีโอกาสชมไปทำข้อสอบไปแบบนี้ใช่ไหม
หมีไม่รู้ -
ฉายานี้ได้มาจากคำแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ที่ หมี มักจะใช้อยู่เสมอ แต่จะมีซักกี่คนที่ทราบว่าอันที่จริงแล้วเรื่องที่หมีไม่รู้จริงๆก็มีเหมือนกัน ก็อย่างที่ทราบๆกันอยู่ว่าคณะเราค่อนข้างที่จะเรียนหนัก
ปิดเทอมค่อนข้างสั้น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องมา round โอกาสที่จะได้กลับบ้านก็น้อยครั้งเต็มทน
หมีก็เหมือนกัน เรื่องนี้มันเกิดตอนปี 5-6 ครั้งหนึ่งหมีเดินทางกลับบ้านที่เชียงราย
ที่คงจะไม่ได้ติดต่อกลับมานานพอดู เพราะเมื่อกลับไปถึงบ้านสิ่งที่พบก็คือ มีคนแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในบ้านของหมี
แต่เอ.. แล้วพ่อแม่ญาติพี่น้องของหมีล่ะ หายไปไหนกันหมด ว่าแล้วก็ตรงเข้าถาม ได้คำตอบมาว่า "พวกเขาย้ายบ้านไปอยู่ที่กรุงเทพนานแล้ว ไปอยู่ที่ไหนมาล่ะไม่รู้เรื่อง" "อ้าว...ก็หมีไม่รู้นี่นา"
ของมันพลาดกันได้ -
เรื่องของความพลาดพลั้งของพวกเรามีให้เห็นกันอยู่เสมอ ไม่ต้องตกใจเรื่องที่จะเล่าให้ฟังนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการดูแลคนไข้หรอก แต่เป็นเรื่องขำๆระหว่างทำงานบน ward ของพวกเราเอง
เรื่องแรกเป็นเรื่องของ หว้า พวกเราคงจำได้ดีว่าตอนที่ผ่าน nursery กิจกรรมหลักที่แสนจะน่าเบื่อของ extern อย่างหนึ่งก็คือ การเจาะเลือด เนื่องจากเด็กตัวค่อนข้างเล็ก วิธีเจาะก็เลยไม่เหมือนผู้ใหญ่ ทำโดยวิธีการที่เรียกว่า "สอยเส้น"สำหรับคนที่เคยเห็นก็ทำเหมือนกับการสอยผ้ายังไงยังงั้น เพียงแต่ใช้เข็มเจาะเลือดที่หักเอาตรงก้นออกแล้วเท่านั้น เช้าตรู่วันหนึ่ง extern หว้าถูกตามให้ไปเจาะเลือดเด็กที่ NICU ก็อย่างว่าแหละ ขนาดเด็ก term ปกติธรรมดายังต้องอาศัยฝีมือพอดู แล้วนี่ต้องมาเจาะเลือดเด็ก pretermตัวเล็กๆ ก็ยิ่งต้องใช้สมาธิมากขึ้นอักโข แต่คงทำได้ลำบากอยู่สำหรับคนเพิ่งตื่น แต่หว้าก็ตั้งใจทำเต็มที่ โดยมีพี่พยาบาลช่วยจับเด็กอีกคน ลองนึกภาพคนเพิ่งตื่นกำลังตั้งใจบรรจงแทงเข็มลงบนหลังมือเด็กอย่างเบามือ ตาจ้องเขม็ง ปากอ้าเผยอเล็กน้อยเพื่อหายใจผ่านทางนั้น เพราะเกรงว่าถ้าหายใจทางจมูกอาจแรงเกินไปทำลายสมาธิ แต่ขณะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่นั้นเอง ก็มีน้ำหยดน้อยๆ หยดออกมาจากมุมปากของหว้า น้ำบ่อน้อยนั่นเอง ด้วยความที่เป็นคนมีความรับผิดชอบสูงทำให้หว้าต้องรีบ"ซูบบบบบ.."สูบมันกลับอย่างเต็มแรง แต่สายเสียแล้วมันหยดลงไปแล้ว ยังไม่ทันที่จะถึงมือเด็ก พี่พยาบาลที่มีความรับผิดชอบสูงเช่นกัน แต่ประสบการณ์สูงกว่าเอามือมารองรับไว้ทัน เฮ้อ....โล่งอกเด็กรอดจากการเป็น anaerobic sepsis ไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด
เรื่องที่ 2 เกิดขึ้นที่เชียงราย ขณะที่ extern ต้อม
กำลังอยู่เวรศัลย์ ช่วงหัวค่ำค่อนข้างว่าง ต้อมจึงนั่งเล่นอยู่ในห้องพัก ดูทีวีไปพลาง
กินถั่วอบหมั่นหลีหมงที่แสนจะเอร็ดอร่อย (แม้จะน้อยกว่าหญ้าอาหารหลักเล็กน้อย)
กินไปเพลินหมดไปตั้ง2 ถุง "แหม..คืนนี้ว่างจริงๆ" ต้อมคิด แต่แล้วก็รู้สึกปวดฉี่จึงลุกไปเข้าห้องน้ำ
กลับออกมายังไม่ทันจะหย่อนก้นนั่งลงก็ถูกตาม " หมอค่ะ คนไข้ arrest"
ต้อมจึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุทันที พอไปถึงสิ่งแรกที่ทำคือใส่ tube เช่นเดียวกับหว้าต้องใช้สมาธิสูง
ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องใช้แรงอีกด้วย ดังนั้นสมาธิและแรงทั้งหมดจึงถูกนำไปใช้ที่ตากับแขนจนทำให้ส่วนอื่นขาด2
อย่างนี้ไป ซึ่งแน่นอนย่อมรวมไปถึงกล้ามเนื้อหูรูดด้วย (ซ้ำเติมด้วยแรงอัดในท้องที่ก่อขึ้นจากก๊าซที่ได้มาจากถั่วหมั่นหลีหม่งที่กำลังย่อย)
ทำให้ไม่มีอะไรจะมายับยั้งมันได้อีกแล้ว "ปู้ดดดด" ลมอันไม่พึงปรารถนาถูกปล่อยออกมาจากก้นของต้อมอย่างแรง
สร้างความตื่นตระหนกให้กับพยาบาลที่กำลังช่วยอยู่อย่างยิ่ง แต่อย่างว่าล่ะ "หน้าที่ต้องอยู่เหนือสิ่งอื่นใด"
ต้อมยังคงใส่ tube ต่อไปอย่างมีสมาธิจนเสร็จ หลังจากนั้นก็ปีนขึ้นไปpumpคนไข้อย่างเอาจริงเอาจัง
ยังเรื่องมันยังไม่จบแค่นั้น "กรี๊ดดดดดด" พยาบาลร้องลั่น "อะไรอีกล่ะ"
ต้อมคิด "ยังมีอะไรที่น่าตกใจไปกว่าคนไข้ arrest อีกเหรอนี่" "หมอลืมปิดกรงนกเขาค่ะ"
พยาบาลที่กำลังช่วยอยู่ต้องผละมือจากอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อปิดตา ต้อมก้มลงดูซิปกางเกงที่กำลังเผยิบผยาบตามจังหวะการpump
แล้วรีบรูดปิดทันที แล้วก้มหน้าก้มตา pump ต่อจนเสร็จ งานนี้ต้อมหน้าแตกต้องเย็บหลายเข็ม
ส่วนพยาบาลเวรนั้นก็พากันเป็นตากุ้งยิงกันเป็นแถวๆ
เรื่องสุดท้ายเกิดกับผู้เขียนเอง แต่เกิดตอนเป็น intern เนื่องจากทุเรศพอกันจึงต้องเล่าสู่กันฟัง
(เดี๋ยวเขาจะว่าเอาได้ ว่าเม้าแต่คนอื่น) หน้าที่ของ intern เด็กอย่างหนึ่งก็คือการลงไปรับเด็กที่เกิดใหม่ที่ห้องคลอด
แล้วก็ไม่รู้ว่ามันเป็นวันอะไรถึงได้เกิดกันเยอะขนาดนั้น ทำให้ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงระหว่างชั้น
3 กับ ชั้น 6 อยู่หลายรอบ สัมภาระที่ต้องถือไปอันได้แก่เพจกับตะกร้ารับเด็กก็แสนจะเกะกะ
แถมยังต้องเปลี่ยนชุดไปมาอีก ดังนั้นความผิดพลาดมันก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นของธรรมดาเรื่องจากหนแรกลืมเพจไว้ในห้องคลอด
ถัดมาก็ลืมตะกร้ารับเด็ก ครั้งที่ 3 ก่อนที่จะขึ้นมาก็สำรวจตัวเองเรียบร้อย "อืม..ครบทุกอย่าง"
ว่าแล้วก็เดินตัวปลิวขึ้นลิฟท์มาถึงชั้น 6 เดินสวนกับพี่ resident คนอื่น เขาร้องทักว่า
"ไปรับเด็กมาเหรอ" "ค่ะ" ตอบไปอย่างมั่นใจ แต่มันก็ทำให้นึกขึ้นได้ว่า
"ชั้นลืมเด็กไว้ที่ห้องคลอดดดดด" ว่าแล้วก็ต้องรีบวิ่งกลับลงไป
ก็แน่ล่ะสิถ้าลูกเขาเป็นอะไรไป จะไปเอาปัญญาที่มาทำชดใช้ แต่โชคยังเข้าข้างเด็กดวงแข็งไม่เป็นอะไร
นอนร้องเสียดัง อยู่ในห่อผ้าที่พี่พยาบาลอุ้มอยู่ กลับมาถึง nursery ก็ลงมือตรวจร่างกาย
แต่ความผิดพลาดก็ยังไม่จบแค่นั้น เมื่อพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามากระซิบว่า "หมอค่ะๆ
ลืมรูดซิป" ครั้งนี้จะนำความลับของผู้อื่นมาเปิดโปงค่อนข้างจะมาก สงสัยจะถูกเซ็นเซอร์แหงๆ
....